วันที่ 6 ส.ค. 66 ผู้สื่อข่าวติดตามกรณีที่มีผู้อำนวยการโรงเรียนชุมชนบ้านต้าตลาด อ.ขุนตาล จ.เชียงราย ขอเปิดรับบริจาคเพื่อหาเงินเป็นทุนในการเดินทางไปรักษาตัวของ ด.ญ.นราทิพย์ นันตะสิม อายุ 8 ปี นักเรียนชั้น ป.2 ของโรงเรียนชุมชนบ้านต้าตลาด หลังจากตรวจพบอาการป่วยด้วยโรคหัวใจ จำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดเป็นการเร่งด่วน แต่ครอบครัวมีฐานะยากจน พ่อป่วยเป็นโรคหืดหอบ ทำงานหนักไม่ได้ ส่วนแม่เป็นชาวลาว อาศัยหาเห็ดหาหน่อไม้ในป่าไปขาย ได้เงินวันละไม่กี่บาท เป็นค่าขนมลูกและใช้จ่ายในครอบครัวไปวันๆ ครูในโรงเรียนต้องหาทางออกช่วยเปิดรับบริจาค เพื่อใช้เป็นค่าใช้จ่ายสำหรับเดินทางไปรักษาตัวที่ จ.เชียงใหม่
ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปพบกับนายอุดร รู้ยาม ผอ.โรงเรียนชุมชนบ้านต้าตลาด ต.ต้า อ.ขุนตาล จ.เชียงราย เพื่อสอบถามถึงเรื่องราวดังกล่าว ซึ่งทาง ผอ.โรงเรียน ได้พาผู้สื่อข่าวไปเดินทางที่บ้านเลขที่ 13 ม.2 ซึ่งเป็นบ้านของ ด.ญ.นราทิพย์ นันตะสิม หรือ น้องมิ้นท์ อายุ 8 ขวบ ซึ่งอาศัยอยู่กับพ่อและแม่คือนายศรีทาน นันตะสิม อายุ 60 ปี และนางไหม ปัญญาดี อายุ 43 ปี ซึ่งเป็นบ้านปูนชั้นเดียวสภาพเก่า หลังคาแตกพังเสียหายไปหลายแผ่น ด้านหลังบ้านทำเป็นเพิงเล็กๆ สำหรับใช้เป็นสถานที่ต้มหน่อไม้ไปขาย
นายอุดร รู้ยาม ผอ.โรงเรียนชุมชนบ้านต้าตลาด เผยว่า ด.ญ.นราทิพย์ นันตะสิม หรือ น้องมิ้นท์ กำลังเรียนอยู่ในระดับชั้น ป.2 เป็นเด็กคุยเก่ง มีมารยาท ผลการเรียนอยู่ในเกณฑ์ดี ที่ผ่านมาจากการสังเกตของครูประจำชั้น พบว่าน้องมิ้นท์ จะไม่ค่อยแข็งแรง เหนื่อยง่าย แต่อาการไม่ค่อยหนัก จนกระทั่งเมื่อประมาณ 2-3 อาทิตย์ที่ผ่านมา นัองมิ้นท์มีอาการแน่นหน้าอกอย่างรุนแรง ครูประจำชั้นเห็นท่าไม่ดีจึงได้เรียกกู้ภัยมานำตัวไปส่ง รพ.ขุนตาล แต่ทางแพทย์สงสัยว่าอาจเป็นอาการของโรคหัวใจ จึงส่งตัวไปตรวจที่ รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ ซึ่งตอนส่งตัวทางโรงเรียนก็ได้มาแจ้งกับทางครอบครัว แต่ด้วยความที่ครอบครัวมีฐานะยากจน ไม่มีเงิน ตนจึงอาสาไปส่งที่ รพ. และผลตรวจจากแพทย์ออกมาว่าน้องมิ้นป่วยด้วยอาการผนังกั้นหัวใจห้องซ้ายขวาล่างรั่วทะลุหากัน และมีเนื้อเยื่ออุดกั้นทางเดินเลือดของลิ้นหัวใจเอออร์ต้า (มีติ่งเนื้อไปปิดกั้นช่องหัวใจด้านล่างซ้าย) ต้องไปเข้ารับการผ่าตัดรักษาที่ รพ.มหาราชเชียงใหม่ เป็นการเร่งด่วน ทางโรงเรียนได้มาพิจารณาร่วมกันแล้วว่าลำพังครอบครัวคงไม่มีเงินพาเด็กไปรักษาอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าค่ารักษาของเด็กจะสามารถใช้สิทธิ์บัตรทองได้ แต่ก็จะมีค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ค่าจ้างรถไปส่ง ค่ากิน ค่าใช้จ่ายระหว่างเฝ้าผู้ป่วยในช่วงผ่าตัด คาดว่าก่อนผ่าตัดและหลังผ่าตัดจะต้องได้เทียวไปเทียวมาระหว่างเชียงรายและเชียงใหม่ไม่ต่ำกว่า 10 รอบ คิดค่าใช้จ่ายคร่าวๆ คงไม่ต่ำกว่า 4-5 หมื่นบาท จึงต้องเปิดรับบริจาคขึ้น
ผอ.โรงเรียนฯ ได้เผยอีกว่า หลังจากได้นำเรื่องราวของน้องมิ้นท์ไปปรึกษากับหน่วยงานต่างๆในพื้นที่ ทั้งนายอำเภอ รพ.สต. เทศบาล กาชาด ฯลฯ ก็มีหลายหน่วยงานได้ยื่นความประสงค์เข้ามาช่วยเหลือ โดยทางนายอดิเรก ไลไธสงค์ นายอำเภอขุนตาล จะนำคณะมาเยี่ยมครอบครัวและมอบความช่วยเหลือเบื้องต้นในวันพรุ่งนี้ (7 ส.ค. 66) และนอกจากนี้ตนก็ยังได้นำเรื่องราวของน้องมิ้นท์ไปโพสต์ขอความช่วยเหลือในกลุ่มไลน์ ก็ได้มีผู้ประสงค์ช่วยเหลือโอนเงินมาช่วยคนละเล็กละน้อย
หากได้เงินบริจาคเพียงพอกับค่ารักษา ทางโรงเรียนก็จะประกาศปิดรับบริจาคทันที โดยจะมีคณะกรรมการโรงเรียนดูแลในการใช้จ่ายต่างๆ ให้มีความเหมาะสม และหากมีเงินเหลือจากการรักษา ก็จะเก็บไว้เป็นทุนการศึกษาของน้องมินท์ต่อไป เพราะลำพังครอบครัวคงไม่มีเงินส่งน้องเรียนสูงๆ อย่างแน่นอน ยืนยันว่าจะใช้เงินที่ได้รับจากการบริจาคอย่างคุ้มค่าและตรงกับวัตถุประสงค์อย่างแน่นอน ตนมั่นใจว่าเด็กที่ได้รับโอกาสจากสังคม ในวันข้างหน้าเขาก็จะเป็นคนดี และตอบแทนสังคมด้วยเช่นกันผอ.โรงเรียนชุมชนบ้านต้าตลาด กล่าว
ด้านน้องมิ้นท์ได้กล่าวขอบคุณผู้มีน้ำใจร่วมบริจาคล่วงหน้า และบอกว่าอนาคตฝันอยากเป็นคุณครูอีกด้วย หากใครที่มีจิตกุศล อยากร่วมบริจาคต่อชีวิตให้เด็กน้อย ให้ได้มีโอกาสเคิบโตเป็นอนาคตของชาติ สามารถโทรสอบถามข้อมูลที่เบอร์มือถือ 089-5576226 นายอุดร รู้ยาม ผอ.โรงเรียนชุมชนบ้านต้าตลาด
ข่าวโดย วินัย ไชยสถาน ผู้สื่อข่าวสยามนิวส์ จังหวัด เชียงราย
เป็นเว็บไซต์ที่รวบรวมบทความเกี่ยวกับสุขภาพ ข่าวด่วน คลิป กีฬา สุขภาพ อาหาร!!